UN เผย ยอดตายชุมนุมเมียนมา อย่างน้อย 70 ศพ

UN เผย ยอดตายชุมนุมเมียนมา อย่างน้อย 70 ศพ

สหประชาชาติ เปิดเผยว่าในขณะนี้ ยอดตายชุมนุมเมียนมา ขยับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่อย่างน้อย 70 ศพ หลังกองทัพเดินหน้าใช้ความรุนแรงกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง ชุมนุมเมียนมา – เมื่อวันที่ 12 มีนาคม สำนักข่าว อัลจาซีร่า รายงาน สหประชาชาติหรือ UN ได้รายงานยอดผู้เสียชีวิตจากการชุมนุมต่อต้านคณะรัฐประหารที่เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ที่อย่างน้อย 70 ศพ และมีผู้ถูกจับกุมอย่างไม่ชอบธรรมแล้วกว่า 2 พันราย

นาย โธมัส แอนดรูว์ เจ้าหน้าที่สอบสวนด้านสิทธิมนุษยชนได้เปิดเผยกับ UN ว่าผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มีมากกว่าครึ่งเป็นเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปี

ซึ่งนายแอนดรูว์ยังได้ระบุว่าอีกว่า จากการตรวจสอบคลิปพบว่าเจ้าหน้าที่ได้ใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่แพทย์ และประชาชนที่ยืนอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ พร้อมชี้ว่าทหารได้ทำลายข้าวของ ปล้นสะดมร้าน จับประชากรไม่เลือกหน้า และเปิดฉากยิงเข้าไปบ้านเรือนของประชาชน

เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวได้เรียกร้องให้เพิ่มความเข้มงวดในการคว่ำบาตรทางการเมียนมา และตัดรายได้หลักของประเทศ เช่นบริษัทน้ำมันที่อยู่ภายใต้การครอบครองของกองทัพ

ขณะเดียวกันทางการเมียนมาได้กล่าวก่อนการหารือครั้งนี้ว่า พวกเขาต้องใช้มาตรการควบคุมผู้ชุมนุมอย่างเข้มงวด เพื่อรับการผู้ชุมนุมที่ชอบใช้ความรุนแรง นอกจากนี้ทางการเมียนมาได้วอนขอให้สหประชาชาติเข้าใจ เพราะประเทศเมียนมากำลังเผชิญสถานการณ์ที่ซับซ้อนในขณะนี้

สถานการณ์ชุมนุมประท้วงในประเทศเมียนมา ยังคงร้อนระอุอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ พล.อ.มิน อ่อง หล่าย ได้ยึดอำนาจ พร้อมจับกุมนาง อองซานซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐเมียนมา ในข้อหาโกงการเลือกตั้งเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน ปีที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ซึ่งพล.อ. มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมารับปาก จะจัดการเลือกตั้งทันทีหลังยึดอำนาจ 1 ปีตามที่ประกาศเอาไว้

ภายหลังจากที่สงครามได้จบลงแล้ว Ottens ก็ได้ทำการเรียนต่อในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ ภาหลังจากที่เรียนจบแล้ว เขาก็ได้ทำงานให้กับบริษัท Philip ในปี 1952 และเมื่อเข้าปี 1960 เขาก้ได้รับตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ และในเวลาไม่ถึงปี แผนกของเขาก็ได้ทำการผลิต reel-to-reel tape recorder แบบพกพาเครื่องแรกของบริษัทขึ้นมาได้ (EL 3585)

แต่มันเป็นเทคโนโลยีที่สร้างความหนักใจให้แก่ Ottens ซึ่งเขาได้กล่าวถึงมันว่า “ผมรู้สึกรำคาญกับความเงอะงะ และความไม่เป็นต่อผู้ใช้งานของระบบ reel-to-reel เท่านั้นเอง”

ซึ่งมันก็ถือว่าเป็นหนึ่งในแรงผลักดันให้เขาและทีมงานเริ่มทำงานพัฒนาในระบบบันทึกข้อมูลแบบเทปรูปแบบใหม่ และเขาได้ทำการกำหนดว่ารูปแบบที่ว่านี้ควรจะต้องมีขนาดที่เล็กมากพอที่จะสามารถพกพาผ่านกระเป๋าเสื้อแจ็คเกตได้ โดยเขาได้ออกแบบรูปลักษณ์ที่ต้องการด้วยไม้แกะสลัก

และมาในปี 1962 ตลับเทป หรือเทปคาสเซ็ต (Cassette Tape) ได้ถูกคิดค้นขึ้นมา และได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในปี 1963 โดยมีการแสดงเปิดตัวที่งานเทศกาลผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เมืองเบอร์ลิน ซึ่งมันมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Compact Cassette ที่ก็ได้รับสโลแกนโฆษณาว่า เล็กยิ่งกว่าซองบุหรี่เสียอีก”

EU แจง หลังหลายประเทศ ระงับฉีดแอสตราเซเนกา

สหภาพยุโรปออกมาแถลง หลังเจอว่าผู้รับวัคซีนแอสตราเซเนกา เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน จนทำให้ต้อง ระงับฉีดแอสตราเซเนกา ระงับฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา – เมื่อวันที่ 12 มีนาคม สำนักข่าว BBC รายงานว่า คณะกรรมการยาสหภาพยุโรป (EU) ได้ออกมาโต้ว่า ไมพบว่าวัคซีนแอสตราเซเนกา วัคซีนต้านโควิด-19 มีความเกี่ยวข้องกับภาวะลิ่มเลือดอุดตัน หลังจากที่มีหลายประเทศในแถบยุโรป เช่นเดนมาร์ก, นอร์เวย์, ไอซ์แลนด์ ระงับการฉีดวัคซีนชั่วคราว

โดยคณะกรรมการยังได้กล่าวอีกว่าข้อดีของวัคซีนแอสตราเซเนกานั้นมีมากกว่าความเสี่ยง และสามารถฉีดวัคซีนให้กับประชาชนต่อไปได้ ในระหว่างทางคณะกรรมการสืบหาต้นตอของสาเหตุต่อไป เช่นเดียวกับทางการสหราชอาณาจักรที่ได้ออกมาให้คำแนะนำในทำนองเดียวกันว่า ภาวะดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นเองได้ตามธรรมชาติและเกิดขึ้นได้ง่าย ขอให้ประชาชนเดินทางเข้ารับฉีดวัคซีนโควดดตามเดิม

ในช่วงที่ผ่านมามีรายงานว่า มีผู้เข้ารับวัคซีนอย่างน้อย 30 คน เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน จากประชาชนกว่า 5 ล้านคนทั่วยุโรปที่ได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 ชนิดดังกล่าว และมีรายงานว่ามีชาวอิตาลีวัย 50 ปีเสียชีวิตจากภาวะลิ่มเลือดอุดตัน หลังรับวัคซีนต้านโควิด

เช่นเดียวกันกับประเทศเดนมาร์กที่มีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากภาวะลิ่มเลือดอุดตัน หลังรับวัคซีนชนิดนี้ โดยขณะนี้ทางการกำลังสืบสวนสาเหตุการเสียชีวิตต่อไป ขณะนี้ประเทศ เดนมาร์ก, นอร์เวย์, ไอร์แลนด์ ยกเลิกการฉีดวัคซีนโควิดเป็นการชั่วคราว ขณะที่ อิตาลี และ ออสเตรีย ยุติการฉีดวัคซีนในบางล็อต โดยสองชาติใช้วัคซีนแอสตราเซเนกาคนละชุดกัน

ทางทีมงานของเว็บไซต์ข่าว Sora News ได้ดำเนินการทดลองพิซซ่าหน้านี้ โดยทีมงานหญิงผู้ทดลองนั้นก็ได้บรรยายว่า เมื่อรับพิซซ่าจากผู้ส่งอาหารนั้น กลิ่นของพิซซ่าก็ได้ลอยออกมานอกกล้องทะลุหน้ากากอนามัยของเธอเลยทีเดียว ในส่วนของกลิ่นเมื่อแรกดมนั้น เธอก็ได้บรรยายว่า มันเหมือนกับกลิ่นผลไม้หวานที่กำลังเน่าแบบเฉพาะเจาะจง

แนะนำ : ดูดวงไพ่ยิปซี | รีวิที่พัก | รีวิวคาเฟ่ | วิธีลดน้ำหนัก | รีวิวอนิเมะ ญี่ปุ่น